เมนู

ผลนี้จึงดับ ดังนี้นั้น จะได้ปรากฏแก่ข้าพระองค์โดยยิ่งกว่าประมาณก็หาไม่
ไฉนข้าพระองค์ จะพึงยังจิตของพระผู้มีพระภาคเจ้าให้ยินดี ด้วยการพยากรณ์
ปัญหา ในลัทธิอาจารย์ของตนได้เล่า.

เรื่องวรรณ


[372] ดูก่อนอุทายี ก็ในลัทธิอาจารย์ของตนแห่งท่านมีว่าอย่างไร.
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ในลัทธิอาจารย์ของตนแห่งข้าพระองค์ มีอยู่
อย่างนี้ว่า นี้เป็นวรรณอย่างยิ่ง นี้เป็นวรรณอย่างยิ่ง.
ดูก่อนอุทายี ในลัทธิอาจารย์ของตนแห่งท่านที่มีอยู่อย่างนี้ว่า นี้เป็น
วรรณอย่างยิ่ง นี้เป็นวรรณอย่างยิ่ง ก็วรรณอย่างยิ่งเป็นไฉน.
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ วรรณใดไม่มีวรรณอื่นยิ่งกว่าหรือประณีตกว่า
วรรณนั้นเป็นวรรณอย่างยิ่ง.
ดูก่อนอุทายี ก็วรรณไหนเล่าที่ไม่มีวรรณอื่นยิ่งกว่าหรือประณีตกว่า.
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ วรรณใดไม่มีวรรณอื่นยิ่งกว่าหรือประณีตกว่า
วรรณนั้นเป็นวรรณอย่างยิ่ง.
[373] ดูก่อนอุทายี ท่านกล่าวว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ วรรณ
ใดไม่มีวรรณอื่นยิ่งกว่าหรือประณีตกว่า วรรณนั้นเป็นวรรณอย่างยิ่ง ดังนี้
วาจานั้นของท่านพึงขยายออกอย่างยืดยาว แต่ท่านไม่ชี้วรรณนั้นได้.
ดูก่อนอุทายี เปรียบเหมือนบุรุษพึงกล่าวอย่างนี้ว่า เราปรารถนารัก
ใคร่นางชนปทกัลยาณีในชนบทนี้ คนทั้งหลายพึงถามเขาอย่างนี้ว่า พ่อ นาง
ชนปทกัลยาณีที่พ่อปรารถนารักใคร่นั้น พ่อรู้จักหรือว่า เป็นนางกษัตริย์
พราหมณี แพศย์ ศูทร เมื่อเขาถูกถามดังนี้แล้ว เขาพึงตอบว่า หามิได้

คนทั้งหลายพึงถามเขาว่า พ่อ นางชนปทกัลยาณีที่พ่อปรารถนารักใคร่นั้น พ่อ
รู้จักหรือว่า นางมีวรรณอย่างนี้ มีโคตรอย่างนี้ เมื่อเขาถูกถามดังนี้แล้ว เขา
พึงตอบว่า หามิได้ คนทั้งหลายพึงถามเขาว่า พ่อ นางชนปทกัลยาณีที่พ่อ
ปรารถนารักใคร่นั้น พ่อรู้จักหรือว่า สูง ต่ำ หรือพอสันทัด ดำ ขาว หรือ
มีผิวคล้ำ อยู่ในบ้าน นิคม หรือนครโน้น เมื่อเขาถูกถามดังนี้แล้ว เขาพึง
ตอบว่า หามิได้ คนทั้งหลายพึงกล่าวกะเขาว่า พ่อปรารถนารักใคร่หญิงที่พ่อ
ไม่รู้จัก ไม่เคยเห็นหรือ เมื่อเขาถูกถามดังนี้แล้ว เขาพึงตอบว่า ถูกแล้ว
ดังนี้ ดูก่อนอุทายี ท่านจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน เมื่อเป็นเช่นนี้ คำ
กล่าวของบุรุษนั้น ถึงความเป็นคำใช้ไม่ได้ไม่ใช่หรือ.
แน่นอน พระเจ้าข้า เมื่อเป็นเช่นนั้น คำกล่าวของบุรุษนั้น ถึง
ความเป็นคำใช้ไม่ได้.
ดูก่อนอุทายี ท่านก็ฉันนั้นเหมือนกัน กล่าวอยู่แต่ว่า ข้าแต่พระองค์
ผู้เจริญ วรรณใดไม่มีวรรณอื่นยิ่งกว่าหรือประณีตกว่า วรรณนั้น เป็นวรรณ
อย่างยิ่ง ดังนี้ แต่ไม่ชี้วรรณนั้น.
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เปรียบเหมือนแก้วไพฑูรย์อันงาม เกิดเอง
อย่างบริสุทธิ์ 8 เหลี่ยม นายช่างเจียระไนดีแล้ว เขาวางไว้ที่ผ้ากัมพลแดง
ย่อมสว่างไสว ส่องแสงเรื่องอยู่ ฉันใด ตัวตนก็มีวรรณ ฉันนั้น เมื่อตาย
ไปย่อมเป็นของไม่มีโรค.
[374] ดูก่อนอุทายี ท่านจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน แก้วไพฑูรย์
อันงาม เกิดเองอย่างบริสุทธิ์ 8 เหลี่ยม นายช่างเจียระไนดีแล้ว เขาวางไว้ที่
ผ้ากัมพลแดง ย่อมสว่างไสวส่องแสงเรื่องอยู่ 1 แมลงหิ่งห้อยในเวลาเดือนมืด
ในราตรี 1 บรรดาวรรณทั้งสองนี้ วรรณไหนจะงามและประณีตกว่ากัน.

ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ บรรดาวรรณทั้งสองนี้ แมลงหิ่งห้อยในเวลา
เดือนมืดในราตรีนี้ งามกว่าด้วย ประณีตกว่าด้วย.
[375] ดูก่อนอุทายี ท่านจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน แมลง
หิ่งห้อยในเวลาเดือนมืดในราตรี 1 ประทีปน้ำมันในเวลาเดือนมืดในราตรี 1
บรรดาวรรณทั้งสองนี้ วรรณไหนจะงามและประณีตกว่ากัน.
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ บรรดาวรรณทั้งสองนี้ ประทีปน้ำมันในเวลา
เดือนมืดในราตรีนี้งามกว่าด้วย ประณีตกว่าด้วย.
[376] ดูก่อนอุทายี ท่านจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน ประทีป
น้ำมันในเวลาเดือนมืดในราตรี 1 กองไฟใหญ่ในเวลาเดือนมืดในราตรี 1
บรรดาวรรณทั้งสองนี้ วรรณไหนจะงามและประณีตกว่ากัน.
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ บรรดาวรรณทั้งสองนี้ กองไฟใหญ่ในเวลา
เดือนมืดในเวลาราตรีนี้งามกว่าด้วย ประณีตกว่าด้วย.
[377] ดูก่อนอุทายี ท่านจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน กองไฟ
ในเวลาเดือนมืดในราตรี 1 ดาวพระศุกร์ในอากาศอันกระจ่างปราศจากเมฆ
ในเวลาใกล้รุ่งแห่งราตรี 1 บรรดาวรรณทั้งสองนี้ วรรณไหนจะงามและ
ประณีตกว่ากัน.
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ บรรดาวรรณทั้งสองนี้ ดาวพระศุกร์ไม่อากาศ
อันกระจ่างปราศจากเมฆ ในเวลาใกล้รุ่งแห่งราตรีนี้งามกว่าด้วย ประณีตกว่า
ด้วย.
[378] ดูก่อนอุทายี ท่านจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน ดาวพระศุกร์
ในอากาศอันกระจ่างปราศจากเมฆ ในเวลาใกล้รุ่งแห่งราตรี 1 ดวงจันทร์ใน
เวลาเที่ยงคืนตรงในอากาศอันกระจ่างปราศจากเมฆ ในวันอุโบสถที่ 15 [เพ็ญ
กลางเดือน] 1 บรรดาวรรณทั้งสองนี้ วรรณไหนจะงามและประณีตกว่ากัน.

ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ บรรดาวรรณทั้งสองนี้ ดวงจันทร์ในเวลา
เที่ยงคืนตรงในอากาศอันกระจ่างปราศจากเมฆ ในวันอุโบสถที่ 15 นี้งามกว่า
ด้วย ประณีตกว่าด้วย.
[379] ดูก่อนอุทายี ท่านจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน ดวงจันทร์
ในเวลาเที่ยงคืนตรงในอากาศอันกระจ่างปราศจากเมฆในวันอุโบสถที่ 15 ค่ำ
1 ดวงอาทิตย์ในเวลาเที่ยงตรงในอากาศอันกระจ่างปราศจากเมฆ ไม่สรทสมัย
เดือนท้ายฤดูฝน 1 บรรดาวรรณทั้งสองนี้ วรรณไหนจะงามกว่าและประณีต
กว่ากัน.
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ บรรดาวรรณทั้งสองนี้ ดวงอาทิตย์ในเวลา
เที่ยงตรงในอากาศอันกระจ่างปราศจากเมฆ ในสรทสมัยเดือนท้ายฤดูฝนนี้งาม
กว่าด้วย ประณีตกว่าด้วย.
ดูก่อนอุทายี เทวดาเหล่าใดย่อมสู้แสงพระจันทร์พระอาทิตย์ไม่ได้
เทวดาเหล่านั้นมีมาก มีมากยิ่งกว่าเทวดาพวกที่สู้แสงพระจันทร์และพระอาทิตย์
ได้ เรารู้ทั่วถึงเทวดาพวกนั้นอยู่ เราก็ไม่กล่าวว่า. วรรณใดไม่มีวรรณอื่นยิ่ง
กว่าหรือประณีตกว่า เมื่อเป็นเช่นนี้ ท่านก็ชื่อว่ากล่าวอยู่ว่า วรรณใดที่เลว
กว่าและเศร้าหมองกว่าแมลงหิ่งห้อย วรรณนั้นเป็นวรรณอย่างยิ่ง ดังนี้ แต่
ท่านไม่ชี้วรรณนั้นเท่านั้น.
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงค้านเรื่องนี้เสียแล้ว พระสุคตเจ้าทรงค้านเรื่อง
นี้เสียแล้ว .
ดูก่อนอุทายี ทำไมท่านจึงกล่าวอย่างนี้ว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าทรง
ค้านเรื่องนี้เสียแล้ว พระสุคตทรงค้านเรื่องนี้เสียแล้วดังนี้เล่า.

ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ในลัทธิอาจารย์ของตน ของข้าพระองค์ทั้งหลาย
มีอยู่อย่างนี้ว่า วรรณนี้เป็นวรรณอย่างยิ่ง วรรณนี้เป็นวรรณอย่างยิ่ง ดังนี้
ข้าพระองค์เหล่านั้น เมื่อถูกพระผู้มีพระภาคเจ้าสอบสวน ซักไซร้ ไล่เรียง
ในลัทธิอาจารย์ของตน ก็เป็นคนว่างเปล่าผิดไปหมด.

ปัญหาเรื่องทุกข์-ทุกข์


[380] ดูก่อนอุทายี โลกมีความสุขโดยส่วนเดียว มีอยู่หรือ ปฏิปทา
ที่มีเหตุ เพื่อทำให้แจ้งซึ่งโลกที่มีสุขโดยส่วนเดียวมีอยู่หรือ.
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ในลัทธิอาจารย์ของตน ของข้าพระองค์ทั้งหลาย
มีอยู่อย่างนี้ว่า โลกมีความสุขโดยส่วนเดียวมีอยู่ ปฏิปทาที่มีเหตุเพื่อทำให้แจ้ง
ซึ่งโลกที่มีความสุขโดยส่วนเดียว ก็มีอยู่.
ดูก่อนอุทายี ก็ปฏิปทาที่มีเหตุเพื่อทำให้แจ้งซึ่งโลกที่มีสุขโดยส่วนเดียว
นั้นเป็นไฉน.
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ บุคคลบางคนในโลกนี้ ละการฆ่าสัตว์ เว้นขาด
จากการฆ่าสัตว์ ละการลักทรัพย์ เว้นขาดจากการลักทรัพย์ ละการประพฤติผิด
ในกาม เว้นขาดจากการประพฤติผิดในกาม ละการพูดเท็จ เว้นขาดจากการพูด
เท็จ สมาทานคุณ คือตบะอย่างใดอย่างหนึ่งประพฤติอยู่ นี้แลปฏิปทาที่มีเหตุ
เพื่อทำให้แจ้งซึ่งโลกที่มีสุขโดยส่วนเดียว พระเจ้าข้า.
[381] ดูก่อนอุทายี ท่านจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน ในสมัยที่
บุคคลละการฆ่าสัตว์ เว้นขาดจากการฆ่าสัตว์นั้น ตนมีสุขโดยส่วนเดียว หรือ
มีสุขบ้างทุกข์บ้าง.
มีสุขบ้างทุกข์บ้าง พระเจ้าข้า.